ปัญหาท้องผูกในเด็กเล็ก

บอกเลยว่าถ้าลูกน้อยเกิดอาการท้องผูกขึ้นมาเมื่อไหร่ คุณพ่อคุณแม่อย่างเราก็ต้องกังวลใจเมื่อนั้น แม้จะดูว่านี่คือปัญหาที่อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เชื่อเถอะว่าหากอาการท้องผูกมาเยือนเมื่อไหร่ แล้วเราเห็นลูกน้อยงอแง หงุดหงิด อึดอัด เจ็บ ร้องไห้ เพราะถ่ายไม่ออก เบ่งแล้วเบ่งอีกก็ยังไม่สำเร็จ ย่อมสร้างความกังวลใจตามมาไม่มากก็น้อย

ปัญหาท้องผูกในเด็กเล็กจึงไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ที่สำคัญยังพบอีกว่าปัญหานี้มักพบได้บ่อยในเด็กเล็ก ซึ่งหากแก้ปัญหาไม่ตรงจุด จากการที่เด็กเล็กมีอาการเพียงท้องผูกแบบกะทันหัน ก็จะกลายเป็นว่ามีอาการที่ขยายไปสู่อาการท้องผูกแบบเรื้อรังได้ และส่งผลเสียต่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยด้วย


อาการที่สังเกตได้ว่าลูกน้อยท้องผูกหรือไม่

เรื่องนี้ที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตนั่นคือ ลองดูว่าภายใน 2 สัปดาห์ ลูกน้อยอุจาระน้อยกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์หรือไม่ ประกอบกับเวลาอุจาระจะพบว่า ลูกน้อยมีอาการใช้แรงเบ่ง มีความลำบากในการเบ่ง จนเกิดความหงุดหงิด อึดอัด งอแง ร้องไห้ และยังพบอีกว่าอุจาระที่ถ่ายออกมานั้น มักเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยและแข็งตัว หรือในเด็กบางคนอาจจะพบว่ามีการบาดเจ็บที่ทวารหนัก ทำให้มีเลือดปนออกมาด้วย ซึ่งนี่เองสามารถนำไปสู่การติดเชื้อได้

ลดปัญหาท้องผูกในลูกน้อย เรื่องง่ายๆ ที่คุณแม่ทำได้

ในส่วนของอาหารเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป สิ่งที่คุณแม่ควรทำนั่นคือ การให้นมแม่ตามปกติ เพียงแต่อย่างที่เราทราบกัน ควรเพิ่มในส่วนของอาหารเสริมหรืออาหารเด็กเล็กให้มากขึ้น เช่น อาหารเด็กเล็กควรมีการเสริมผักต้มสุกบดละเอียดกับข้าวต้มสุกบดละเอียด ซึ่งหากคุณแม่พบว่าลูกน้อยมีอาการท้องผูก อาจจะเพิ่มน้ำผลไม้เข้ามาด้วย เช่น น้ำลูกพรุนสกัดผสมกับน้ำต้มสุกในปริมาณเท่ากัน แล้วป้อนลูกน้อยวันละประมาณ 15-20 ซีซี ต่อวัน ก็จะช่วยลดอาการท้องผูก และทำให้การขับถ่ายของลูกน้อยง่ายขึ้น

รวมถึงการกระตุ้นลูกน้อยให้ทานผักผลไม้ที่มีกากใยมากขึ้น เพื่อช่วยให้อุจาระมีการอ่อนตัว ซึ่งจะส่งผลต่อการขับถ่ายง่ายขึ้น เช่น กล้วย มะละกอ เป็นต้น ควบคู่กับการให้ลูกน้อยดื่มน้ำเปล่าสะอาด อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว ก็จะสามารถลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน

โดยในเด็กเล็กที่อายุ 1 ปีขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่ควรมีการฝึกนิสัยให้ลูกน้อยขับถ่ายอย่างถูกสุขลักษณะทุกวัน โดยเพิ่มการฝึกนั่งกระโถนหรือชักโครก เพื่อให้เขาเกิดความเคยชินนั่นเอง